-




 1 อัลฟาติหะฮ์  (7)

 
บทเริ่มต้น
 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี



[1.1]    ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี 
 
[1.2]    มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ทรงอภิบาลโลกทั้งหลาย

[1.3]    ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

[1.4]    ผู้ทรงสิทธิอำนาจในวันตอบแทน
 

[1.5]    เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอนมัสการ และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ

[1.6]   โปรดชี้นำเราสู่แนวทางอันเที่ยงตรงด้วยเถิด
[1.7]    แนวทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ ได้ทรงโปรดปรานแก่พวกเขา มิใช่แนวทางของพวกที่ถูกกริ้ว และมิใช่ (แนวทางของ) พวกที่หลงผิด./

 

1 อัลฟาติหะฮ์

 

 

 

47 ซูเราะห์ มุฮัมมัด

 
 
 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี 

 

 

[47.1]    บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และปิดกั้นให้ห่างจากทางของอัลลอฮ์นั้น พระองค์ได้ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล

[47.2]    ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และศรัทธาในสิ่งที่ถูกประทานแก่มุฮัมมัด และว่าอัลกุรอานนั้นเป็นสัจธรรมมาจากพระเจ้าของพวกเขา พระองค์จะทรงลบล้างความชั่วของพวกเขา ให้ออกไปจากพวกเขาและจะทรงปรับปรุงสภาพของพวกเขาให้ดีขึ้น

[47.3]    ทั้งนี้เพราะว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ปฏิบัติตามความเท็จ แต่ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาได้ปฏิบัติตามสัจธรรมมาจากพระเจ้าของพวกเขา เช่นนี้แหละอัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์ทั้งหลายของพวกเขาแก่ปวงมนุษย์

[47.4]    และเมื่อพวกเจ้าพบบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาก็จงฟันที่คอ (จงฆ่าเสีย) จนกระทั่งเมื่อพวกเจ้าปราบพวกเขาจนแพ้แล้ว ก็จงจับพวกเขาเป็นเชลย หลังจากนั้นจะปล่อยเป็นไทหรือจะเรียกเอาค่าไถ่ก็ได้ จนกระทั่งการทำสงครามได้สิ้นสุดลงด้วยการวางอาวุธ เช่นนั้นแหละ และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์แน่นอน พระองค์จะทรงตอบแทนการลงโทษพวกเขา แต่ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทรงทดสอบบางคนในหมู่พวกเจ้ากับอีกบางคน ส่วนบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าตายในทางของอัลลอฮ์พระองค์จะไม่ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผลเป็นอันขาด

[47.5]    พระองค์จะทรงชี้แนะทางแก่พวกเขา และจะทรงปรับปรุงสภาพของพวกเขาให้ดีขึ้น

[47.6]    และจะทรงให้พวกเขาเขาสวนสวรรค์ ซึ่งพระองค์ทรงแจ้งให้พวกเขารู้แล้ว

[47.7]   โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย หากพวกเจ้าสนับสนุน (ศาสนาของ) อัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงสนับสนุนพวกเจ้าและจะทรงตรึงเท้าของพวกเจ้าให้มั่นคง

[47.8]    ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ความพินาศหายนะจะได้แก่พวกเขาและพระองค์ได้ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล

[47.9]   ทั้งนี้เพราะว่า พวกเขาเกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมา พระองค์จึงทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล

[47.10]    พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ แล้วพิจารณาดูว่าบั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขานั้นเป็นเช่นใด? อัลลอฮ์ได้ทรงทำลายล้างพวกเขา และสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธาก็เป็นเช่นเดียวกัน

[47.11]    ทั้งนี้เพราะว่าอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงคุ้มครองบรรดาผู้ศรัทธา และแน่นอนพวกปฏิเสธศรัทธาไม่มีผู้คุ้มครองสำหรับพวกเขา

[47.12]     แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายเข้าสู่สวนสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างสวนสวรรค์มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นพวกเขาจะหลงระเริงและกินเยี่ยงปศุสัตว์กัน และไฟนรกคือที่พำนักของพวกเขา

[47.13]    และกี่เมืองมาแล้วที่มันมีพลังเข้มแข็งกว่าเมืองของเจ้า ซึ่งมันขับใสเจ้า (มุฮัมมัด) ออกไป เราได้ทำลายล้างพวกเขา ดังนั้น สำหรับพวกเขาจึงไม่มีผู้ช่วยเหลือ

[47.14]    ดังนั้นผู้ที่อยู่บนหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของเขา จะเหมือนกับผู้ที่ความชั่วแห่งการงานของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่เขา และพวกเขาก็ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขากระนั้นหรือ?

[47.15]    อุปมาของสวนสวรรค์ซึ่งบรรดาผู้ยำเกรงได้ถูกสัญญาไว้ในสวนสวรรค์นั้น มีธารน้ำหลายสายที่ไม่ผันแปร (ทั้งรสและกลิ่น) และธารน้ำนมหลายสายที่รสชาติของมันไม่เปลี่ยนแปลง และธารน้ำจัณฑ์ (เหล้า) หลายสายเป็นโอชะอร่อยแก่ผู้ดื่ม และธารน้ำผึ้งที่สะอาดบริสุทธิ์หลายสาย และสำหรับพวกเขาในสวนสวรรค์นั้นมีผลไม้หลายชนิด และการอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเขาจะเหมือนกับผู้ที่พำนักอยู่ในไฟนรก และถูกให้ดื่มน้ำร้อนจัดแล้วมันตัดลำไส้ของพวกเขากระนั้นหรือ?

[47.16]   ในหมู่พวกเขามีผู้เงี่ยหูฟังเจ้าจนกระทั่งเมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้า พวกเขาก็จะพูดแก่ผู้มีความรู้ว่า เมื่อกี้นี้เขา (มุฮัมมัด) พูดอะไรกัน ชนเหล่านี้แหละคือบรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขา และพวกเขาปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา

[47.17]   ส่วนผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง พระองค์ทรงเพิ่มแนวทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา และจะทรงประทานให้แก่พวกเขาซึ่งการยำเกรงของพวกเขา

[47.18]    ดังนั้น พวกเขามิได้คอยสิ่งใดนอกจากยามอวสานซึ่งมันจะมาหาพวกเขาอย่างกระทันหัน แต่ว่าเครื่องหมายต่าง ๆ ของมันได้มีมาแล้ว ดังนั้น เมื่อการตักเตือนของพวกเขาได้มายังพวกเขาแล้วจะเกิดประโยชน์อันใดเล่าแก่พวกเขา?

[47.19]   ฉะนั้นพึงรู้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และจงขออภัยโทษต่อความผิดเพื่อตัวเจ้าและเพื่อบรรดาผู้ศรัทธาหญิง และอัลลอฮ์ทรงรู้ดียิ่งถึงพฤติการณ์ของพวกเจ้าและที่พำนักของพวกเจ้า

[47.20]   และบรรดาผู้ศรัทธากล่าวว่า ทำไมสักซูเราะฮ์หนึ่งจึงไม่ถูกประทานลงมา? ครั้นเมื่อซูเราะฮ์หนึ่งที่รัดกุมชัดเจนถูกประทานลงมา และได้มีการทำสงครามถูกรวมไว้ในนั้น เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีโรคจะจ้องมองไปยังเจ้าเสมือนการมองของผู้เป็นลมใกล้จะตาย ดังนั้นความหายนะจงประสบแก่พวกเขาเถิด

[47.21]   การเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำพูดที่ดีไพเราะ (นั้นเป็นการที่ดียิ่ง) ดังนั้นเมื่อกิจการใดถูกกำหนดไว้แล้ว หากว่าพวกเขาจริงใจต่ออัลลอฮ์แล้ว ก็จะเป็นการดีแก่เขา

[47.22]   ดังนั้น หวังกันว่า หากพวกเจ้าผินหลังให้ (กับการอีมานแล้ว) พวกเจ้าก็จะก่อความเสียหายในแผ่นดิน และตัดความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเจ้ากระนั้นหรือ?

[47.23]   ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ทรงสาปแช่งพวกเขา ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้พวกเขาหูหนวก และทรงทำให้พวกเขาตาบอด

[47.24]   พวกเขามิได้พิจารณาใคร่ครวญอัลกุรอานดอกหรือ? แต่ว่าบนหัวใจของพวกเขามีกุญแจหลายดอกลั่นอยู่

[47.25]   แท้จริงบรรดาผู้ผินหลังกลับของพวกเขาหลังจากที่แนวทางที่ถูกต้องเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว ชัยตอนมารร้ายได้ล่อลวงพวกเขา ได้ให้ความหวังแก่พวกเขา (ว่าจะมีชีวิตยืนนาน)

[47.26]   ทั้งนี้เพราะว่าพวกเขาได้กล่าวแก่บรรดาผู้เกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมาว่า เราจะเชื่อฟังปฏิบัติตามในกิจการบางอย่าง แต่อัลลอฮ์ทรงทราบดีถึงความลับของพวกเขา

[47.27]   แล้ว (สภาพของพวกเขา) จะเป็นเช่นไร เมื่อมลาอิกะฮ์มาเอาชีวิตของพวกเขาโดยตีใบหน้าของพวกเขาและหลังของพวกเขา

[47.28]   ทั้งนี้เพราะว่าพวกเขาได้ปฏิบัติตามสิ่งที่จะก่อความกริ้วแด่อัลลอฮ์และพวกเขารังเกียจความโปรดปรานของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล

[47.29]   บรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีโรค คิดหรือว่าอัลลอฮ์จะไม่ทรงนำเอาความอิจฉาริษยาของพวกเขาออกมาให้เป็นที่ประจักษ์

[47.30]   และหากเราประสงค์ แน่นอนเราจะเปิดเผยพวกเขาแก่เจ้า แล้วเจ้าก็จะรู้จักพวกเขาอย่างแน่นอนที่เครื่องหมายของพวกเขา และแน่นอนเจ้าจะรู้จักพวกเขาได้ในน้ำเสียงแห่งการพูด และอัลลอฮ์ทรงรู้ดีถึงการงานของพวกเจ้า

[47.31]    และแน่นอนเราจะทดสอบพวกเจ้าจนกระทั่งเราจะได้รู้ถึงบรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรน และบรรดาผู้หนักแน่นอดทนในหมู่พวกเจ้า และเราจะทดสอบการงานของพวกเจ้า

[47.32]    แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปิดกั้นให้ห่างจากทางของอัลลอฮ์และต่อต้านร่อซู้ลนี้ หลังจากที่แนวทางที่ถูกต้องได้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว พวกเขาจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แก่อัลลอฮ์ได้เลย พระองค์จะทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล

[47.33]   โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ์ และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามร่อซู้ลคนนี้เถิดและอย่าทำให้การงานของพวกเจ้าไร้ประโยชน์

[47.34]    แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปิดกั้นให้ห่างจากทางของอัลลอฮ์ แล้วพวกเขาตายลงทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่ อัลลอฮ์จะไม่ทรงอภัยโทษให้พวกเขาเลย

[47.35]    ดังนั้น พวกเจ้าอย่าท้อแท้และเรียกร้องไปสู่การสงบศึก เพราะพวกเจ้าเป็นผู้อยู่เหนือสุด และอัลลอฮ์ทรงอยู่ร่วมกับพวกเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงลิดรอนผลตอบแทนแห่งการงานของพวกเจ้า

[47.36]    การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เป็นแต่เพียงการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริงเท่านั้น และหากพวกเจ้าศรัทธาและยำเกรง พระองค์จะทรงประทานรางวัลของพวกเจ้าแก่พวกเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงขอทรัพย์สินของพวกเจ้า

[47.37]    หากพระองค์จะทรงขอทรัพย์สินต่อพวกเจ้าและทรงรบเร้าพวกเจ้า (ให้บริจาค) พวกเจ้าก็จะตระหนี่ และพระองค์จะทรงนำเอาความอึดอัดใจของพวกเจ้าออกมาให้ประจักษ์

[47.38]    พึงรู้เถิดว่าพวกเจ้านี้แหละคือหมู่ชนที่ถูกเรียกร้องให้บริจาคในทางของอัลลอฮ์ แต่มีบางคนในหมู่พวกเจ้าเป็นผู้ตระหนี่ ดังนั้น ผู้ใดตระหนี่เขาก็ตระหนี่แก่ตัวของเขาเอง เพราะอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงมั่งมี แต่พวกเจ้าเป็นผู้ขัดสน และถ้าพวกเจ้าเผินหลังออก พระองค์ก็จะทรงเปลี่ยนหมู่ชนอื่นแทนพวกเจ้า แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เป็นเช่นพวกเจ้า./

 

47 ซูเราะห์มุฮัมมัด



 

56 อัลวากิอะฮ์  (96)

 
 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

 
 

[56.1]   เมื่อเหตุการณ์ (วันกิยามะฮ์) ได้เกิดขึ้น 

[56.2]   ไม่มีผู้ปฏิเสธคนใดปฏิเสธต่อเหตุการณ์ของมัน 

[56.3]   ต่อเหตุการณ์นั้นทำให้ชนกลุ่มหนึ่งต่ำต้อย ชนอีกกลุ่มหนึ่งสูงส่ง 

[56.4]   เมื่อแผ่นดินถูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง 

[56.5]    และบรรดาภูเขาได้แตกสลาย 

[56.6]   และมันกลายเป็นผุยผงปลิวว่อน

[56.7]   และพวกเจ้าจะแยกออกเป็นสามกลุ่ม

[56.8]   คือ กลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา) เจ้ารู้ไอย่างไรว่ากลุ่มทางขวาคือใคร?

[56.9]   และกลุ่มทางซ้าย (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือซ้าย) เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มทางซ้ายคือใคร?

[56.10]   และกลุ่มแนวหน้า คือกลุ่มแนวหน้า

[56.11]   เขาเหล่านั้น คือบรรดาผู้ใกล้ชิด

[56.12]  ในสวนสวรรค์หลากหลายแห่งความสุขสำราญ

[56.13]   เป็นกลุ่มชนจำนวนมากจากชนรุ่นก่อน ๆ

[56.14]    และเป็นกลุ่มชนจำนวนน้อยจากชนรุ่นหลัง ๆ

[56.15]  โดยอยู่บนเตียงที่ประดับด้วยทองคำ

[56.16]   พวกเขานอนเอกเขนกอยู่บนนั้นโดยผินหน้าเข้าหากัน

[56.17]   มีเด็ก ๆ ที่มีอายุเช่นนั้นวนเวียนรับใช้พวกเขาตลอดไป

[56.18]   ถ้วยภาชนะใหญ่และแก้วที่มีหู และจอกใส่สุราที่ไหลรินมา

[56.19]   พวกเขาจะไม่มึนศีรษะ และไม่หมดสติเมื่อดื่มสุรานั้น

[56.20]   และผลไม้หลากชนิด ตามแต่พวกเขาจะเลือกกิน

[56.21]   และเนื้อนกที่พวกเขาอยากรับประทาน

[56.22]    และหญิงสาวที่มีนัยน์ตาคมสวยงาม

[56.23]   ประหนึ่งไข่มุกที่ถูกพิทักษ์รักษาไว้อย่างดี

[56.24]   ทั้งนี้เป็นการตอบแทนเนื่องจากความดีที่พวกเขากระทำไว้

[56.25]   ในสวนสวรรค์นั้นพวกเขาจะไม่ได้ยินคำพูดที่ไร้สาระ และเป็นบาป

[56.26]   เว้นแต่คำกล่าวที่ว่า ศานติ ศานติ

[56.27]   และกลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา) เจ้ารู้ไอย่างไรว่ากลุ่มทางขวาคือใคร?

[56.28]   (พวกเขา) อยู่ภายใต้ต้นพุทราที่ไร้หนาม

[56.29]   และต้นกล้วยที่ออกผลเป็นเครือตั้งแต่ยอดจรดโคนต้น (ไม่เห็นลำต้น)

[56.30]   และร่มเงาที่แผ่กระจาย

[56.31]   และน้ำที่ไหลรินตลอดเวลา

[56.32]   และผลไม้อันมากหลาย

[56.33]  โดยไม่หมดสิ้นตามฤดูและไม่เป็นที่ต้องห้าม

[56.34]   และเตียงนอนที่ถูกยกให้สูงขึ้น

[56.35]    แท้จริงเราได้บังเกิดพวกนางเป็นกรณีพิเศษจริง ๆ

[56.36]   แล้วเราได้ทำให้พวกนางเป็นสาวพรหมจรรย์

[56.37]   เป็นที่น่ารักชื่นชมแก่คู่ครอง อยู่ในวัยสาวคราวเดียวกัน

[56.38]   สำหรับกลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา)

[56.39]   (คือ) กลุ่มชนจากรุ่นก่อน ๆ

[56.40]    และกลุ่มชนจากรุ่นหลัง ๆ

[56.41]   และกลุ่มทางซ้าย (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือซ้าย) เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มทางซ้ายคือใคร?

[56.42]   อยู่ในลมร้อนและน้ำกำลังเดือด

[56.43]   อยู่ใต้ร่มเงาของควันที่ดำทึบ

[56.44]   ไม่ร่มเย็นและไม่เป็นที่น่าชื่นชม

[56.45]   แท้จริงพวกเขาแต่กาลก่อนนั้นเป็นพวกเจ้าสำราญ

[56.46]   และพวกเขาเคยดื้อรั้นในการทำบาปใหญ่ ๆ อยู่เป็นเนือง

[56.47]   และพวกเขาเคยกล่าวว่า เมื่อเราตายไปแล้วและเราได้กลายเป็นดินผงและกระดูกป่นแล้ว เราจะถูกให้ฟื้นคนชีพอีกกระนั้นหรือ?

[56.48]   และรวมทั้งบรรพบุรุษของเราแต่กาลก่อนนั้นด้วยหรือ?

[56.49]   จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แท้จริงชนรุ่นก่อน ๆ และรุ่นหลัง ๆ นั้น

[56.50]   จะถูกรวบรวมไว้จนกระทั่งถึงวันอันเป็นที่รูกัน (วันกิยามะฮ์)

[56.51]   แล้วรวมทั้งพวกเจ้าอีกด้วย โอ้บรรดาผู้หลงผิด บรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลาย

[56.52]   แน่นอนพวกเจ้าจะเป็นผู้กินต้นซักกูม

[56.53]   และพวกเขาจะใส่มันเข้าไปเต็มท้อง

[56.54]   และพวกเขาจะดื่มน้ำกำลังเดือดตามลงไป

[56.55]   พวกเขาจะดื่ม (น้ำ) เช่นกับการดื่มของอูฐที่กระหายน้ำจัด

[56.56]   นี่คือที่พำนักของพวกเขาในวันแห่งการตอบแทน

[56.57]   เรานั้นได้สร้างพวกเจ้าขึ้นมา ไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่เชื่อ (ในวันฟื้นคืนชีพ)

[56.58]   พวกเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเจ้าหลั่งออกมา (อสุจิ) แล้วมิใช่หรือ?

[56.59]    พวกเจ้าสร้างมันขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้สร้าง

[56.60]   เรานั้นเป็นผู้กำหนดความตายขึ้นในระหว่างพวกเจ้า และเราก็จะไม่ถูกขัดขวาง

[56.61]   ในการที่เราจะเปลี่ยนบุคคลเยี่ยงพวกเจ้า และเราจะให้พวกเจ้าเกิดขึ้นมาอีกในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้

[56.62]   และโดยแน่นอน พวกเจ้าได้รู้มาแล้วถึงการเกิดครั้งแรก แล้วไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่ใคร่ครวญ

[56.63]   พวกเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเจ้าหว่านมาแล้วมิใช่หรือ?

[56.64]   พวกเจ้าทำให้มันงอกเงยขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้ทำให้มันงอกเงยขึ้นมา?

[56.65]   หากเราประสงค์ทำให้มันหักเป็นชิ้น ๆ แล้ว แน่นอนเราก็ย่อมทำมันได้ แล้วพวกเจ้าคงประหลาดใจ

[56.66]   (พวกเจ้าจะกล่าวขึ้นว่า) แท้จริงเราได้รับความหายนะแล้ว

[56.67]  ไม่เพียงแต่เท่านั้น เรายังขาดแคลนปัจจัยเพาะปลูกอีกด้วย

[56.68]   พวกเจ้าเห็นน้ำที่พวกเจ้าดื่มแล้วมิใช่หรือ?

[56.69]   พวกเจ้าเป็นผู้หลั่งมันลงมาจากก้อนเมฆหรือว่าเราเป็นผู้หลั่งมันลงมา

[56.70]   หากเราประสงค์ เราก็จะทำให้มันเค็มจัด แล้วไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่กตัญญู?

[56.71]  พวกเจ้าเห็นไฟที่พวกเจ้าจุดขึ้นมาแล้วมิใช่หรือ

[56.72]   พวกเจ้าเป็นผู้ทำให้ต้นไม้ของมันงอกเงยขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้ทำให้มันงอกขึ้นมา

[56.73]   เราได้ทำให้มันมีขึ้นเพื่อเป็นการเตือนสติและอำนวยประโยชน์แก่ผู้เดินทางรอนแรม

[56.74]   ดังนั้น เจ้าจงสดุดีด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่เถิด

[56.75]   ข้า (อัลลอฮ์) ขอสาบานด้วยตำแหน่งต่าง ๆ ของดวงดาว

[56.76]   และแท้จริงมันเป็นการสาบานอันยิ่งใหญ่ หากพวกเจ้ารู้

[56.77]   นั่นคือ กุรอานอันทรงเกียรติ

[56.78]   ซึ่งอยู่ในบันทึกที่ถูกพิทักษ์รักษาไว้

[56.79]   ไม่มีผู้ใดจะแตะต้องอัลกุรอาน นอกจากบรรดาผู้บริสุทธิ์เท่านั้น

[56.80]   ถูกประทานลงมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก

[56.81]   และด้วยเรื่องนี้ (อัลกุรอาน) กระนั่นหรือที่พวกเจ้าปฏิเสธเย้ยหยัน?

[56.82]   และทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็ยังคงปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์กระนั้นหรือ

[56.83]   และเมื่อวิญญาณได้มาถึงคอหอย (กำลังจะตาย) แล้วพวกเจ้าสามารถจะยับยั้งไว้ได้หรือ?

[56.84]   และในขณะนั้นพวกเจ้ากำลังมองดูกันอยู่

[56.85]   และเรานั้นอยู่ใกล้ชิดเขายิ่งกว่าพวกเจ้า แต่ทว่าพวกเจ้ามองไม่เห็น (มลาอิกะฮ์)

[56.86]   หากว่าพวกเจ้ามิได้อยู่ภายใต้อำนาจของผู้ใด และไม่มีพระเจ้าเป็นผู้มีอำนาจเหนือพวกเจ้าแล้ว

[56.87]   ไฉนเล่า พวกเจ้าจึงไม่ให้วิญญาณกลับมาสู่ร่างอีก หากพวกเจ้าพูดจริง?

[56.88]   สำหรับผู้ที่หากว่าเขา (ผู้ตาย) เป็นผู้ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์

[56.89]   ดังนั้น ความอิ่มเอิบสดชื่นและสวรรค์อันเป็นที่โปรดปรานจะได้แก่เขา

[56.90]   และหากว่าเขาอยู่ในกลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา)

[56.91]   ดังนั้น ความปลอดภัยก็เป็นของเจ้า ในฐานะเป็นผู้อยู่ในกลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา)

[56.92]   และหากว่าเขาอยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธ ผู้หลงทาง

[56.93]    ดังนั้นสิ่งที่เตรียมไว้สำหรับเขาก็คือน้ำร้อนที่กำลังเดือด

[56.94]   และเปลวไฟที่ลุกไหม้

[56.95]   แท้จริงนี้แหละคือความจริงที่แน่นอน

[56.96]   ดังนั้น เจ้าจงสดุดีด้วยพระนามพระเจ้าของเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เถิด./
 

56 อัลวากิอะฮ์



 

 

75 อัลกิยามะฮ์  (40)

 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี 



[75.1]  ข้าสาบานต่อวันกิยามะฮ์
 
[75.2]   และข้าขอสาบานต่อชีวิตที่ประณามตนเอง 

[75.3]   มนุษย์คิดหรือว่า เราจะไม่รวบรวมกระดูกของเขากระนั้นหรือ ? 

[75.4]    แน่นอนทีเดียวเราสามารถที่จะทำให้ปลายนิ้วมือของเขาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ 

[75.5]   แต่ว่ามนุษย์นั้นประสงค์ที่จะทำความชั่ว 

[75.6]   เขาถามว่า เมื่อใดเถ่าวันแห่งการฟื้นคืนชีพ (จะเกิดขึ้น)

[75.7]   แต่เมื่อสายตามืดมัว

[75.8]   และเมื่อดวงจันทร์ถูกบดบังอยู่ในความมืด

[75.9]   และเมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถูกนำมารวมกัน

[75.10]   วันนั้นมนุษย์จะกล่าวขึ้นว่าไหนเล่าทางหนี ?

[75.11]    เปล่าเลย ! ไม่มีที่พึ่งพิงดอก

[75.12]   ในวันนั้น ยังพระเจ้าของเจ้าเท่านั้น คือที่พักอันสงบสุข

[75.13]   วันนั้นมนุษย์จะถูกแจ้งให้ทราบถึงสิ่งที่ได้กระทำไว้ล่วงหน้าและภายหลัง

[75.14]    เปล่าเลย ! มนุษย์นั้นเป็นพยานต่อตัวของเขาเอง

[75.15]    ถึงแม้ว่าเขาจะเสนอข้อแก้ตัวของเขาก็ตาม

[75.16]   เจ้าอย่ากระดิกลิ้นของเจ้าเนื่องด้วยอัลกุรอานเพื่อเจ้าจะรีบเร่งจดจำ

[75.17]   แท้จริง หน้าที่ของเราคือการรวบรวมอัลกุรอาน (ให้อยู่ในทรวงอกของเจ้า) และการอ่านเพื่อให้จดจำ

[75.18]   ดังนั้นเมื่อเราอ่านอัลกุรอาน เจ้าก็จงติดตามการอ่านนั้น

[75.19]   แล้วแท้จริงหน้าที่ของเราคือ การอธิบายอัลกุรอาน

[75.20]   เปล่าเลย ! แต่ว่าพวกเจ้ารักการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้

[75.21]   และพวกเจ้ละทิ้งปรโลก

[75.22]   ในวันนั้นหลาย ๆ ใบหน้าจะเบิกบาน

[75.23]   จ้องมองไปยังพระเจ้าของมัน

[75.24]   และในวันนั้นหลาย ๆ ใบหน้าจะเศร้าสลด

[75.25]   มันคิดว่าความหายนะอันใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นแก่มัน

[75.26]   เปล่าเลย ! เมื่อวิญญาณขึ้นมาถึงคอหอย

[75.27]    และมีผู้กล่าวว่า ใครเล่าเป็นผู้ทำให้เขาฟื้นขึ้นเหมือนเดิม

[75.28]   และเขามั่นใจว่า แท้จริงเขาต้องจากไป

[75.29]   และขาข้างหนึ่งทับขาอีกข้างหนึ่ง (เพราะความกลัว)

[75.30]   วันนั้น จะมีการนำพาไปยังพระเจ้าของเจ้า

[75.31]   เพราะว่าเขาไม่เชื่อมั่น และไม่ละหมาด

[75.32]    แต่เขาปฏิเสธและผินหลังกลับ

[75.33]   แล้วเขาก็เดินอย่างองอาจไปหาพรรคพวกของเขาอย่างหยิ่งยะโส

[75.34]   ความวิบัติจงมีแด่เจ้าเถิด แล้วก็ความวิบัติจงมีแด่เจ้าเถิด

[75.35]   แล้วก็ความวิบัติจงมีแด่เจ้าเถิด แล้วก็ความวิบัติจงมีแด่เจ้าเถิด

[75.36]   มนุษย์คิดหรือว่า เขาจะถูกปล่อยไว้โดยไร้จุดหมายกระนั้นหรือ ?

[75.37]   เขามิได้เป็นน้ำกามหยดหนึ่งจากน้ำอสุจิที่ถูกพุ่งออกมากระนั้นหรือ ?

[75.38]   แล้วเขาได้เป็นก้อนเลือดก้อนหนึ่งแล้วพระองค์ทรงบังเกิดแล้วก็ทรงทำให้ได้สัดส่วนสมบูรณ์

[75.39]   แล้วพระองค์ทรงทำให้เขาเป็นคู่ เป็นเพศชายและเพศหญิง 

[75.40]   ดังนั้น พระองค์จะไม่สามารถที่จะให้คนตายมีชีวิตขึ้นมาอีกกระนั้นหรือ ?./
 

75 อัลกิยามะฮ์


 

 
 
 

93 อัฎฎุฮา  (11)


 

 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

 

[93.1]   ขอสาบานด้วยเวลาสาย 

[93.2]   และด้วยเวลากลางคืนเมื่อมันมืด และสงัดเงียบ

[93.3]   พระเจ้าของเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งเจ้า และมิได้ทรงโกรธเคืองเจ้า

[93.4]   และแน่นอนเบื้องปลายเป็นการดียิ่งแก่เจ้ากว่าเบื้องต้น

[93.5]    และความแน่นอนพระเจ้าของเจ้าจะให้แก่เจ้าจนกว่าจะพอใจ

[93.6]    พระองค์มิได้ทรงพบเจ้าเป็นกำพร้าแล้วทรงให้ที่พึ่งดอกหรือ ?

[93.7]   และทรงพบเจ้าระเหเร่ร่อน แล้วก็ทรงชี้แนะทาง (แก่เจ้า) ดอกหรือ ?

[93.8]    และทรงพบเจ้าเป็นผู้ขัดสน แล้วให้มั่งคั่ง (แก่) เจ้าดอกหรือ ?

[93.9]   ดังนั้นส่วนเด็กกำพร้าเจ้าอย่าข่มขี่

[93.10]   และส่วนผู้เอ่ยขอนั้น เจ้าอย่าตวาดขับไล่

[93.11]    และส่วนความโปรดปรานแห่งพระเจ้าของเจ้านั้น เจ้าจงแสดงออก./
 

93 อัฎฎุฮา

 

 

 

 94 อัลอินซิรอฮ์  (8)

 

 
 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

 


 
[94.1]   เรามิได้เปิดหัวอกของเจ้าแก่เจ้าดอกหรือ ?

[94.2]   และเราได้ปลดเปลื้องภาระหนักของเจ้าออกจากเจ้าแล้ว

[94.3]   ซึ่งเป็นภาระหนักอึ้งบนหลังของเจ้า

[94.4]   และเราได้ยกย่องให้แก่เจ้าแล้ว ซึ่งการกล่าวถึงเจ้า

[94.5]   ฉะนั้นแท้จริงหลังจากความยากลำบากก็จะมีความง่าย

[94.6]   แท้จริงหลังจากความยากลำบากก็จะมีความง่าย

[94.7]   ดังนั้นเมื่อเจ้าเสร็จสิ้น (จากงานหนึ่งแล้ว) ก็จงลำบากต่อไป

[94.8]   และยังพระเจ้าของเจ้าเท่านั้นก็จงมุ่งปรารถนาเถิด./


 

94 อัลอินซิรอฮ์

 
 

95 อัตตีน  (8)

 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี


 
[95.1]  ขอสาบานด้วยต้นมะเดื่อ และต้นมะกอก

[95.2]   และด้วยภูเขาฎูรซีนาย

[95.3]   และด้วยเมืองนี้ที่ปลอดภัย

[95.4]  โดยแน่นอนเราได้บังเกิดมนุษย์มาในรูปแบบที่สวยงามยิ่ง

[95.5]   แล้วเราได้ให้เขากลับสู่สภาพที่ตกต่ำยิ่ง

[95.6]   นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบสิ่งดีงามทั้งหลาย โดยที่สำหรับพวกเขาจะได้รับรางวัลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

[95.7]  ดังนั้น อะไรเล่าเขาจึงปฏิเสธเจ้า หลังจากนี้เกี่ยวกับการตอบแทน

[95.8]   มิใช่อัลลอฮ์ดอกหรือ เป็นผู้ตัดสินที่ดีเยี่ยมในหมู่ผู้ตัดสินทั้งหลาย./

 

95 อัตตีน





100 อัลอาดิยาต (11)

 

 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

 
 


[100.1]  ขอสาบานด้วยม้าที่วิ่งหอบฮัก ๆ

[100.2]  แล้วด้วยม้าที่กลีบเท้าของมันตีกับหินจนเกิดประกายไฟ

[100.3]  แล้วด้วยม้าที่จู่โจมศัตรูในยามเช้า

[100.4]  แล้วมันได้ทำให้ฝุ่นตลบฟุ้งในยามนั้น

[100.5]  แล้วมันได้บุกเข้าไปท่ามกลางหมู่ศัตรูในยามนั้น

[100.6]  แท้จริงมนุษย์เป็นผู้เนรคุณต่อพระเจ้าของเขา

[100.7]  และแท้จริงเขาได้เป็นพยานต่อการนั้นอย่างแน่นอน

[100.8]  และแท้จริงเขามีความหวงแหน เพราะรักในทรัพย์สมบัติ

[100.9]  เขาไม่รู้ดอกหรือว่า เมื่อสิ่งที่อยู่ในหลุมฝังศพถูกให้ฟื้นขึ้นมา

[100.10]  และสิ่งที่อยู่ในหัวอกถูกเผยออก

[100.11]  แท้จริงพระเจ้าของพวกเขาในวันนั้น ทรงตระหนักในพวกเขาอย่าง
แน่นอน./

100 อัลอาดิยาต


 
 
 

 101 อัลกอริอะฮ์  (11)

 

 


ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

 
 
 

[101.1]   อัลกอริอะฮ์ 

[101.2]   อัลกอริอะฮ์นั้นคืออะไร?

[101.3]   และอะไรที่ทำให้เจ้าได้รู้ว่าอัลกอริอะฮ์ นั้นคืออะไร?

[101.4]   วันที่มนุษย์จะเป็นเช่นแมลงเม่าที่กระจายว่อน

[101.5]   และบรรดาภูเขาจะเป็นเช่นขนสัตว์ที่ปลิวว่อน

[101.6]   ส่วนผู้ที่ตราชูของเขาหนัก

[101.7]    เขาก็จะอยู่ในการมีชีวิตที่ผาสุก

[101.8]   และส่วนผู้ที่ตราชูของเขาเบา

[101.9]   ที่พำนักของเขาก็คือเหวลึก (ฮาวิยะฮ์)

[101.10]   และอะไรเล่าที่ทำให้เจ้ารู้ได้ว่าเหวลึกคืออะไร?

[101.11]   คือไฟอันร้อนแรง./
 

101 อัลกอริอะฮ์

 
 
 
 

102 อัตตะกาซุร  (8)



 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

 

 



[102.1]   การสะสมทรัพย์สมบัติเพื่ออวดอ้างได้ทำให้พวกเจ้า เพลิดเพลิน

[102.2]   จนกระทั่งพวกเจ้าได้เข้าไปเยือนหลุมฝังศพ

[102.3]   เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้

[102.4]   แล้วก็เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้

[102.5]   มิใช่เช่นนั้น ถ้าพวกเจ้าได้รู้อย่างแท้จริง

[102.6]   แล้วแน่นอน พวกเจ้าจะเห็นไฟที่ลุกโชน

[102.7]   แล้วแน่นอนพวกเจ้าจะได้เห็นมันด้วยสายตาที่แน่ชัด

[102.8]   แล้วในวันนั้นพวกเจ้าจะถูกสอบถามเกี่ยวกับความโปรดปราน ที่ได้รับ (ในโลกดุนยา)./
 

102 อัตตะกาซุร

110 อัลนัศร์
 
 

 

 

110 อัลนัศร์  (3)

 
 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี



[110.1]    เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ และการพิชิตได้มาถึงแล้ว

[110.2]    และเจ้าได้เห็นประชาชนเข้าในศาสนาของอัลลอฮ์เป็นหมู่ๆ

[110.3]    ดังนั้นจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ./

 

110 อัลนัศร์


ซูเราะห์อัลมะซัด


111 อัลมะซัด  (5)

 
 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

 


[111.1]   มือทั้งสองของอะบีละฮับจงพินาศ และเขาก็พินาศแล้ว 

[111.2]   ทรัพย์สมบัติของเขา และสิ่งที่เขาได้ขวนขวายเอาไว้นั้นมิได้อำนวยประโยชน์แก่เขาเลย 

[111.3]    เขาจะเข้าไปเผาไหม้ในนรกที่มีไฟลุกโชน 

[111.4]   ทั้งภริยาของเขาด้วย นางเป็นผู้แบกฟืน 

[111.5]   ที่คอของนางมีเชือกถักด้วยใยอินทผลัม./

 

111 อัลมะซัด





112 อัลอิคลาส  (4)


 

ซูเราะห์ที่มีภาคผลบุญมาก

 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี 




[112.1]   จงล่าวเถิดมุฮัมมัด พระองค์คืออัลลอฮ์ผู้ทรงเอกกะ 

[112.2]    อัลลอฮ์นั้นทรงเป็นที่พึ่ง 

[112.3]    พระองค์ไม่ประสูติ และไม่ทรงถูกประสูติ 

[112.4]    และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์./

 

112 อัลอิคลาส



 
 
 

113 อัลฟะลัก  (4)


 
 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

 
 

[113.1]   จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าพระองค์ ขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าแห่งรุ่งอรุณ 

[113.2]   ให้พ้นจากความชั่วร้าย ที่พระองค์ได้ทรงบันดาลขึ้น 

[113.3]   และจากความชั่วร้าย แห่งความมืดของกาลเวลากลางคืน เมื่อมันแผ่คลุม 

[113.4]   และจากความชั่วร้าย ของบรรดาผู้เสกเป่าในปมเงื่อน./

 
 

113 อัลฟะลัก

 

 
 

 

 114 อันนาส  (6)

 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

 

[114.1]   จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าแห่งมนุษยชาติ 

[114.2]   พระราชาแห่งมนุษยชาติ 

[114.3]   พระเป็นเจ้าแห่งมนุษยชาติ 

[114.4]   ให้พ้นจากความชั่วร้าย ของผู้กระซิบกระซาบที่หลอกล่อ 

[114.5]   ที่กระซิบกระซาบในหัวอกของมนุษย์ 

[114.6]   จากหมู่ญินและมนุษย์ (หมายเหตุ: เสร็จสิ้นด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ./

 

114 อันนาส